พีช ผลไม้ยอดฮิต อร่อย หวานฉ่ำ ช่วยขับถ่ายคล่อง!
เป็นอีกหนึ่งผลไม้ยอดฮิตที่ทุกเพศทุกวัยชอบ ไม่ว่าจะเครื่องสำอางสีพีช น้ำหอมกลิ่นพีช หรือแม้แต่อาหารเครื่องดื่มรสพีชหวานละมุน คนก็ชอบกันทั่วบ้านทั่วเมืองเลย นอกเหนือจากสีสัน ความหอม และรสชาติที่น่าประทับใจ แท้จริงแล้วพีชมีความน่าสนใจในเรื่องของสารอาหารไม่น้อยไปกว่าผลไม้ชนิดอื่น แต่น้อยคนนักจะรู้ ก็เพราะมันอร่อยนี่หน่า ขอกินเข้าไปก่อน เรื่องอื่นค่อยว่ากันแล้วกัน 555 วันนี้เราจึงได้รวบรวมข้อมูลน่าสนใจของพีชแสนอร่อยมาฝากกันค่ะ
พีชคืออะไร
พีช (Peach) หรือที่รู้จักกันในชื่อ ลูกท้อ เป็นผลไม้เมืองหนาวที่มีถิ่นกำเนิดจากประเทศจีน ปัจจุบันในประเทศไทยได้มีการปลูกพีชในพื้นที่จังหวัดทางภาคเหนือ โดยอากาศที่เหมาะกับการปลูกพีชควรมีอุณหภูมิอยู่ที่ 10 องศาเซลเซียส
พีชจัดอยู่ในกลุ่ม Stone Fruit โดย Stone Fruit เป็นชื่อเรียกอย่างไม่เป็นทางการของผลไม้กลุ่มที่เป็นผลเดี่ยว มักจะมีเมล็ดที่แข็งมาก แต่มีเนื้อผลไม้ที่นุ่ม รับประทานง่าย เช่น ลูกพลัม เชอร์รี่ แอพริคอต และพีช เป็นต้น
เนื้อในของพีชมีตั้งแต่สีขาวไปจนถึงสีเหลืองหรือสีส้ม เนื้อนิ่ม มีกลิ่นหอมละมุน และมีรสหวานอมเปรี้ยวนิด ๆ ที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ชัดเจน หากได้กลิ่นและรับรส จะรู้เลยว่านี่แหละคือพีชแน่นอน!
ข้อมูลทางโภชนาการของพีช
ลูกพีช 100 กรัม มีปริมาณสารอาหารดังนี้ :
พลังงาน 39 แคลอรี
โปรตีน 0.91 กรัม
ไขมัน 0.25 กรัม
คอเลสเตอรอลและโซเดียม 0 กรัม
คาร์โบไฮเดรต 9.54 กรัม
น้ำตาล 8.39 กรัม
ไฟเบอร์ 1.5 กรัม
พีชยังอุดมไปด้วยวิตามินเอ วิตามินซี วิตามินอี และ วิตามินเค รวมทั้งแมกนีเซียม และฟอสฟอรัสอีกด้วย
(ข้อมูล U.S. DEPARTMENT OF AGRICULTURE)
ประโยชน์ของพีช
1. พีชจัดอยู่ในกลุ่มผลไม้ไขมันต่ำ โดยไขมันจำนวนเล็กน้อยที่พบในพีชเป็นไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อนและไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว ไขมันเหล่านี้มีประโยชน์ต่อหัวใจ ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลไม่ดีในเลือด ลดความเสี่ยงโรคหัวใจ และหลอดเลือดสมองได้เป็นอย่างดี
2. พีชเป็นแหล่งวิตามินและแร่ธาตุที่ดี ทั้งวิตามินเอ วิตามินซี วิตามินอี และวิตามินเค รวมทั้งแมกนีเซียม และฟอสฟอรัส ช่วยเสริมภูมิคุ้มกันและช่วยให้ร่างกายทำงานได้อย่างปกติ
3. พีชอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระที่เป็นประโยชน์ในการปกป้องร่างกายจากโรคต่าง ๆ รวมทั้งช่วยให้ผิวของเรามีสุขภาพที่เปล่งปลั่ง จากการศึกษาพบว่า พีชสามารถช่วยรักษาความชุ่มชื้นในผิวได้
4. ว่ากันว่าลูกพีชขนาดกลางหนึ่งลูก มีไฟเบอร์ประมาณ 2 กรัม ซึ่งสามารถช่วยระบบย่อยอาหารได้ดี ถือเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยลดอาการท้องผูกได้เช่นกัน
5. การกินพีชเป็นประจำสามารถช่วยส่งเสริมสุขภาพหัวใจให้แข็งแรงได้ ช่วยลดความเสี่ยงของการเป็นโรคหัวใจ ไม่ว่าจะเป็นความดันโลหิตสูง หรือคอเลสเตอรอลในเลือดก็ตาม
6. พีชมีสารประกอบที่สามารถปกป้องโรคมะเร็ง นั่นคือโพลีฟีนอล หรือ สารพฤกษเคมีที่มีคุณสมบัติในการต่อต้านอนุมูลอิสระ ที่สามารถฆ่าเซลล์มะเร็งได้โดยไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อเซลล์ที่มีสุขภาพดี นักวิจัยพบว่า การได้รับโพลีฟีนอลเพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย จะต้องกินพีช 2 ถึง 3 ลูกต่อวันเลยทีเดียว
(ข้อมูล halegroves.com)
เปลือกของพีช กินได้หรือไม่
เปลือกของพีชกินได้แน่นอน เพราะไม่พบสารที่เป็นพิษต่อมนุษย์ แถมยังให้ประโยชน์ต่อสุขภาพไม่น้อยเช่นกัน ดังนั้นทั้งเนื้อและเปลือกของพีชจึงสามารถนำมาทานได้หมดเลย มาดูกันว่า นอกเหนือจากสารอาหารด้านบนแล้ว เปลือกของพีชยังประกอบไปด้วยสารอาหารและประโยชน์อื่นใดอีกบ้าง
1. เปลือกของพีชที่มีขนาดผลใหญ่ มีไฟเบอร์เยอะ การรับประทานผลไม้ที่มีไฟเบอร์มาก จะเป็นการเพิ่มเส้นใยให้กับร่างกาย ช่วยในการทำงานของระบบการขับถ่าย ทำให้ย่อยอาหารได้ง่าย ขับถ่ายได้คล่อง
2. เปลือกของพีชอุดมไปด้วยสารโพลีฟีนอล หรือ สารพฤกษเคมีที่มีคุณสมบัติในการต่อต้านอนุมูลอิสระ และมีส่วนช่วยควบคุมการทำงานต่าง ๆ ในร่างกายให้เป็นปกติ เช่น กรดคาเฟอีนและกรดคลอโรจีนิก ซึ่งมีมากกว่าในเนื้อพีชถึง 2 เท่าเลยทีเดียว
3. มีการทดลองกับหนู พบว่าเปลือกพีชมีฤทธิ์ป้องกันภาวะเครียดออกซิเดชั่นและการอักเสบในร่างกายได้ แต่ก็ต้องมีการวิจัยและการศึกษาในมนุษย์ต่อไปว่าเปลือกของพีช ช่วยป้องกันความเสียหายและการอักเสบในร่างกายได้ดีเช่นกันใช่หรือไม่
(ข้อมูล healthline.com)
จะเห็นได้ว่าการกินพีชแบบไม่ปอกเปลือกนั้นให้คุณค่าทางสารอาหารมากกว่าพีชที่ปอกเปลือกแล้วอยู่มาก ดังนั้นเพื่อเป็นการเสริมสารอาหารให้ร่างกาย การกินพีชทั้งเปลือกก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจกว่าแบบปอกเปลือกค่ะ
พีชเป็นอีกหนึ่งผลไม้ที่ทานง่าย จะกินสดหรือเพิ่มลงในอาหารประจำวัน ทำเป็นขนมไว้กินเล่น หรือแปรรูปเป็นผลไม้เชื่อมเพื่อผสมในน้ำต่าง ๆ ก็น่าสนใจ เมื่อเราสามารถเพลิดเพลินและสนุกสนานไปกับพีชได้ การกินผลไม้ก็จะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป ไม่เพียงแต่จะได้ความหวานและชุ่มฉ่ำเท่านั้น แต่พีชยังช่วยให้เรามีสุขภาพที่แข็งแรงอีกด้วยค่ะ อย่างนี้ต้องลองแล้วล่ะ!
